เพราะถือเป็นสิ่งปลูกสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย 3. กลุ่มเกษตรกรทั่วไป หรือบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อเกษตรกรรม ในช่วง 3 ปีแรก (ปี 2563-2565) ไม่ว่ามูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีราคาเท่าใด ได้รับการยกเว้นภาษีทั้งหมด แต่ปี 2566 เป็นต้นไป ภาษีที่ดินใหม่ เกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท ต้องเสียภาษีในอัตราไม่เกิน 0. 15% กลุ่มที่ได้รับผลกระทบปานกลาง-ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก 1. นิติบุคคลที่เป็นเจ้าของเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อเกษตรกรรม ต้องเสียภาษีตั้งแต่มูลค่าที่ดินบาทแรก โดยในช่วงปี 2563-2564 อัตราภาษีเป็นแบบขั้นบันได เริ่มจากมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 75 ล้านบาท ไปจนถึงมูลค่ากว่า 1, 000 ล้านบาท อัตราภาษีเริ่มต้นที่ 0. 01% หรือ "ล้านละ 100" ไปจนถึง 0. 1% หรือ "ล้านละ 1, 000 บาท" แต่นับจากปี 2565 ไม่ว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีมูลค่าเท่าใด ต้องเสียภาษีไม่เกินอัตรา 0. 15% ของมูลค่าดังกล่าว 2. เจ้าของอาคารพาณิชย์ให้เช่า เช่น หอพัก อพาร์ตเมนต์ สำนักงานให้เช่า และพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า เป็นต้น โดยในช่วงปี 2563-2564 อัตราภาษีเป็นแบบขั้นบันได เริ่มจากมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกิน 50 ล้านบาท ไปจนถึงมูลค่ากว่า 5, 000 ล้านบาท อัตราภาษีเริ่มต้นที่ 0.
7% ของมูลค่าประเมิน เทียบกับกลุ่มที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรมที่มีอัตราภาษีเพียง 0. 02-0. 1% และ 0. 01-0.
02% หรืออัตรา "ล้านละ 200 บาท" ส่วนเจ้าของบ้านพร้อมที่ดิน รวมถึงเจ้าของสิ่งปลูกสร้างที่ไม่รวมที่ดิน ที่มีมูลค่าเกินกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องเริ่มภาษีแบบขั้นบันได โดยเริ่มจากอัตรา 0. 03% หรือ "ล้านละ 300 บาท", มูลค่าเกินกว่า 75 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0. 05% และ มูลค่าเกินกว่า 100 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 0. 1% หรือ "ล้านละ 1, 000 บาท" ตัวอย่างเช่น เรามีบ้านพร้อมที่ดิน มูลค่า 30 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้ามูลค่าบ้านพร้อมที่ดินเพิ่มเป็น 70 ล้านบาท อัตราภาษีที่ต้องเสียคือ 0. 03% โดยเอามูลค่าบ้านพร้อมที่ดินหักด้วยมูลค่าที่กฎหมายยกเว้นให้ นั่นคือ 70 – 50 = 20 ล้านบาท แล้วจึงนำ 20 ล้านบาท มาคูณ 0. 03% เท่ากับ 6, 000 บาท หมายความว่า ถ้าเรามีบ้านและที่ดิน มูลค่า 70 ล้านบาท เราจะเสียภาษี (ช่วง 2 ปีแรก) 6, 000 บาท นั่นเอง 2. เจ้าของที่อยู่อาศัยหลังที่สองขึ้นไปเพื่อใช้อยู่อาศัย แต่ไม่ใช่บ้านหลังหลัก (บ้านหลังอื่น) จะไม่ได้รับการยกเว้นภาษีไม่ว่ามูลค่าจะมากหรือน้อย โดยเจ้าของบ้านพร้อมที่ดิน หรือเจ้าของสิ่งปลูกสร้างไม่รวมที่ดิน ซึ่งมีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท เริ่มเสียภาษีที่อัตรา 0. 02% ส่วนมูลค่าที่เกินกว่า 50 ล้านบาทนั้น ให้คำนวณด้วยอัตราเดียวกับเจ้าของบ้านหลังหลัก (อัตรา 0.
ภาษีที่ดินใหม่ หายงงสักที มาดูกันว่า ใครได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง? (วิเคราะห์) สร้างความโกลาหลกันได้ไม่น้อยสำหรับข่าวคราวเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ภาครัฐเตรียมจัดเก็บในปี 2563 นี้ โดยการจัดเก็บภาษีที่ดินจริงๆ น่าจะเกิดขึ้นในเดือน ส. ค. จากเดิมที่เคยกำหนดไว้เป็นภายในเดือน เม. ย. 2563 ภาษีที่ดินใหม่ นี้จะถูกนำใช้ทดแทนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง โดยเน้นจัดเก็บตามมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วยอัตราภาษีแบบขั้นบันไดและตามการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเมินโดยกรมธนารักษ์ ด้วยหลักการดังกล่าวทำให้ภาครัฐน่าจะจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น เพราะผู้รับผลกระทบมีจำนวนมากขึ้น แต่ก็ได้กำหนดข้อยกเว้นและข้อลดหย่อนสำหรับผู้ถือครองที่ดินบางกลุ่ม …จะเป็นใครกันบ้างมาดูกัน กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบ- ได้รับผลกระทบน้อย 1. เจ้าของที่อยู่อาศัยเพื่อใช้อยู่จริง (บ้านหลังหลัก) เงื่อนไขสำคัญคือ เจ้าของบ้านต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังนั้น เจ้าของบ้านหลังหลัก ซึ่งมูลค่าบ้านพร้อมที่ดิน ไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี เจ้าของบ้านหลังหลัก ซึ่งมูลค่าบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัยไม่นับรวมที่ดิน ไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี แต่มูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 50 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท ต้องเสียภาษีในอัตรา 0.
2 ในฐานะผู้รับประเมินทุกคน หรือจะมอบอำนาจให้คนใดคนหนึ่งก็ได้ 2. รอรับใบแจ้งการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภรด. 8) จากสำนักงานเขตหรือองค์การปกครองที่ไปยื่นเรื่องเสียภาษีไว้ 3. นำใบแจ้งการประเมินฯ ไปชำระภาษีภายใน 30 วัน ที่สำนักงานหรือองค์กรนั้น หรือสามารถชำระผ่านช่องทางธนาคารที่กำหนดได้ 5. ค่าปรับและกำหนดโทษ แน่นอนว่า หากยื่นเรื่อง/จ่ายภาษีเลยกำหนด ก็ต้องมีค่าปรับ เงินเพิ่ม หรือหากมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีก็ต้องเจอกับบทลงโทษ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ค่าปรับหรือเงินเพิ่ม เมื่อผู้มีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินได้รับแจ้งการประเมิน (ภรด. 8) แล้ว ต้องชำระค่าภาษีภายใน 30 วัน มิฉะนั้น จะต้องเสียภาษีเพิ่ม ดังนี้ ถ้าชําระไม่เกิน 1 เดือน นับแต่วันพ้นกําหนดให้บวกเพิ่ม 2. 5% ของค่าภาษีที่ค้าง ถ้าเกิน 1 เดือน แต่ไม่เกิน 2 เดือน ให้บวกเพิ่ม 5% ของค่าภาษีที่ค้าง ถ้าเกิน 2 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน ให้บวกเพิ่ม 7.
หากคุณมีทรัพย์สินที่เป็นสิ่งปลูกสร้างและใช้ทำประโยชน์เพื่อก่อเกิดรายได้ คุณต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินจำนวนถึง 12. 5% เงินจำนวนนี้หากมองในแง่ของธุรกิจ ผู้ประกอบการ แน่นอนว่า สูงมาก เพราะภาษีที่ต้องจ่าย 12.
15% ของมูลค่าที่ดิน นอกจากนี้ยังได้รับการลดหย่อนในช่วง 2 ปีแรก ให้จ่ายภาษีในอัตราปีละ 0. 01-0. 1% ของมูลค่า แล้วแต่ว่าที่ดินผืนดังกล่าวมีมูลค่าเท่าไหร่ โดยถ้าที่ดินมีมูลค่าประเมินไม่เกิน 70 ล้านบาท จะเสียภาษีปีละ 0. 01% ของมูลค่า แต่ถ้ามูลค่าของที่ดินเกินกว่า 1, 000 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษีในอัตราปีละ 0. 1% ในช่วง 2 ปีแรก สำหรับที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย จะถูกเก็บภาษีในอัตราปีละไม่เกิน 0. 3% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยในช่วง 2 ปีแรกจะได้รับการลดหย่อนภาษีเช่นกัน โดยอัตราภาษีจะอยู่ในช่วง 0. 02%-0. 1% ต่อปีในช่วง 2 ปีแรก อย่างไรก็ตาม หากเป็นเจ้าของบ้านที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หากราคาที่ดินและบ้านไม่เกิน 50 ล้านบาท จะไม่ต้องเสียภาษีเลยเพราะได้รับการยกเว้น ในขณะที่ที่ดินประเภทที่สาม นั่นคือที่ดินที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ นอกเหนือจากการเกษตรกรรมหรืออยู่อาศัย พ. ฉบับนี้กำหนดให้ต้องเสียภาษีที่ดินไม่เกินปีละ 1. 2% ของมูลค่าที่ดิน โดยในช่วง 2 ปีแรกได้รับการลดหย่อนอัตราภาษีเช่นเดียวกับที่ดินประเภทอื่นๆ โดยอัตราภาษีจะอยู่ในช่วง 0. 3-. 07% ต่อปีแล้วแต่มูลค่าของที่ดิน ยิ่งที่ดินมีมูลค่ามากก็จะยิ่งต้องเสียภาษีที่ดินในอัตราที่สูงขึ้น สุดท้าย สำหรับที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ได้มีการนำไปใช้ประโยชน์ จะต้องเสียภาษีที่ดินในอัตราสูงสุดปีละไม่เกิน 1.
5% ต่อปีของค่ารายปี ค่ารายปี คือ จำนวนเงินที่ทรัพย์สินนั้นสมควรให้เช่าได้ใน 1 ปี ในกรณีให้เช่า ให้ถือว่าค่าเช่าคือค่ารายปี หรือถ้าไม่สามารถประเมินเป็น จำนวนเงินได้ อาจเทียบเคียงกับทรัพย์สินในบริเวณใกล้เคียง ค่าภาษี = ค่ารายปี x 12. 5% *อัตราภาษี ตามพ. ภาษีที่ดินและโรงเรือน พ. 2475 3. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง'62 ภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีที่ดินและโรงเรือน เปลี่ยนชื่อเป็น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปรับอัตราใหม่เพื่อ… – ลดความเหลื่อมล้ำ – ลดการกักตุนที่ดินไว้เก็งกำไร – กระจายการถือครองที่ดิน – กระตุ้นการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์ จัดเก็บภาษีจาก… – ที่ดินเกษตรกรรม – บ้านพักอาศัย – ที่ดินพาณิชยกรรม – ที่ดินรกร้างว่างเปล่า 4. อัตราภาษีที่ดินเกษตรกรรม *ยกเว้นภาษีที่ดินเกษตรกรรมที่มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท 5. อัตราภาษีบ้านพักอาศัย 6. อัตราภาษีที่ดินพาณิชยกรรม *เพดานภาษีที่ดินสำหรับพาณิชยกรรมอยู่ที่ 1. 2% 7. อัตราภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่า *เพดานภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าอยู่ที่ 1. 2% (บวกเพิ่ม 0. 3% ทุก 3 ปี สูงสุดไม่เกิน 3%)
ศ.
วันที่ 1 มกราคม 2563 ประเทศไทยจะมีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ แทนกฎหมายภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ. ศ. 2475 และภาษีบารุงท้องที่ พ. 2508 ที่ใช้กันมายาวนานกว่า 80 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการกระจายอานาจไปสู่ท้องถิ่น และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย แต่ปัญหาคือ กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายใหม่ที่ยังต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เนื่องจากมีความซับซ้อนในเรื่องของการคำนวณภาษีที่มีการแยกรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเติมความรู้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชน เพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน กฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า "ภาษีที่ดินใหม่" เป็นกฎหมายใหม่ที่ถูกนำมาใช้แทนพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ. 2475 และพระราชบัญญัติภาษีบำรุง ท้องที่ พ. 2508 หรือที่ชาวบ้านเข้าใจกันง่ายๆ คือ กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน และกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ เป็นกฎหมายที่มีการประกาศใช้นานแล้ว ทำให้การจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่มีปัญหา และข้อจำกัดเกี่ยวกับฐานภาษี อัตราภาษี และการลดหย่อนภาษีไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ผลที่เกิดขึ้นก็คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท. )
พูดคำแปลภาษา อิ สาน, 2024