ซื้อบริษัทที่ดี 2. ซื้อในราคาที่เหมาะสม การลงทุนแบบตามกระแส ( Momentum Investing) ขณะที่นักลงทุนหุ้นคุณค่า เน้นวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ศึกษาข้อมูลจากงบการเงิน เพื่อหามูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้น แต่การลงทุนแบบตามกระแส จะเน้นการลงทุนตามเทรนด์ขาขึ้นของตลาด เกาะกระแสฟันด์โฟลว์ (Fund Flow) คือ ลงทุนตามทิศทางเงินทุนไหลเข้า ประกอบกับการใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ มาช่วยในการวิเคราะห์ โดยมีหลักการเลือกหุ้น ดังนี้ 1. มองการลงทุนในภาพใหญ่ ระดับเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) โดยใช้ข้อมูลตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัด การส่งออก รายได้ภาคครัวเรือน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น เพื่อนำมาใช้วางกลยุทธ์การลงทุน 2. ค้นหาอุตสาหกรรมที่โดดเด่น ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงนั้นๆ เมื่อเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมได้แล้ว ก็มาดูปัจจัยพื้นฐาน วิเคราะห์งบการเงินของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวว่ามีความแข็งแกร่งเพียงใด 3.
พี่ทุยคิดว่าคงมีนักลงทุนหลายคนที่อยากเป็นนักลงทุนสายพื้นฐาน หรือ Value Investment กันเยอะ เพราะได้เห็นเหล่ากูรู "VI" หลายคนที่ประสบความสำเร็จกันมาแล้ว อย่าง ปู่บัฟเฟตต์ ดร. นิเวศน์ และท่านอื่น ๆ อีกหลายคน นักลงทุนมือใหม่ที่เข้ามาใน ตลาดหุ้น มักจะคิดว่า (อยาก) เป็นนักลงทุน VI แล้วแท้ ๆ แต่ยังขาดทุนหรือติดดอยกันอยู่เลย เนื่องจากว่าหลงเข้าไปติดกับดักนั่นเอง ทำไมคิดว่าเป็นนักลงทุน VI แล้วยังขาดทุน!! มือใหม่มักจะวิเคราะห์หรือเลือกดูข้อมูลบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นปัจจัยพื้นฐานและทำการตัดสินใจเลือกซื้อหุ้นนั้น ๆ โดยคิดว่าข้อมูลเพียงเท่านี้เพียงพอแล้วสำหรับการเลือกหุ้นแบบแนวนี้ แต่ว่า.. มือใหม่ที่กำลังหัดเป็น VI กลับไปติดกับดักกันแบบง่าย ๆ แบบไม่รู้ตัว หรือเข้าไปซื้อหุ้นราคาต่ำ หุ้นปันผลสูง แล้วกลับยังติดดอย หรือกลับขาดทุนราคาหุ้นลดลงมาเรื่อย ๆ และปันผลน้อยลงเรื่อย ๆ จนบางคนคิดกันว่า วิธีการลงทุนแบบนี้อาจใช้ไม่ได้แล้ว มันล้าสมัยไปแล้วหรือเปล่า!! บทความนี้ พี่ทุยจึงได้รวบรวมข้อควรระวังที่จะนำไปติดกับดักกันบ่อย ๆ 1. กับดักการซื้อหุ้นที่ P/E ต่ำมาก ๆ ข้อนี้ถือเป็นกับดักที่เป็นหลุมพรางที่จะทำให้พลาดกันอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากว่ามือใหม่มักจะคิดว่าหุ้น P/E ต่ำ ๆแล้วมักจะถูก (โดยปกติ P/E มักถูกใช้วัดความถูกแพงของหุ้น) มาจากสูตร P หารด้วย E จะมีหน่วยจะเป็นเท่า P คือ ราคาหุ้น และ E คือ กำไรต่อหุ้น สอดคล้องกับหลักการลงทุน VI ที่บอกว่าให้ซื้อหุ้นดีในราคาที่ถูก!
ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดี 2. ธุรกิจมีความแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้น 3. มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน 4. เป็นหุ้นที่ยังไม่ได้รับความนิยมหรือได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก เมื่อค้นหาธุรกิจเป้าหมายได้แล้ว นักลงทุนหุ้นคุณค่าจะคัดกรองหาหุ้นต่อ ด้วยการใช้อัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ในการวิเคราะห์ ยกตัวอย่างเช่น 1. เป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและมีอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นที่อยู่ในกลุ่มหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน 2. มีกระแสเงินสด (Cash Flow) เป็นบวก 3. D/E Ratio อยู่ในระดับต่ำ คือ มีหนี้สินต่อทุนต่ำหรือไม่มีการกู้เงินเลย 4.
เศรษฐกิจโลกถดถอย (24%) 2. ความกังวลด้านเงินเฟ้อจากผลของนโยบายของธนาคารกลางโลก (19%) 3. การไล่ล่าหาผลตอบแทน (17%) 4. ความต้องการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ใหม่ (13%) 5. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (13%) ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในตลาดสกุลเงินดิจิทัล จากผลสำรวจของ DCG พบว่าปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญต่อตลาดสกุลเงินดิจิทัล มีดังนี้ 1. กฏระเบียบ และ ข้อบังคับ (51%) 2. การขโมย แฮ็ก และการหลอกลวง (22%) 3. วิกฤตการลงทุน (12%) 4. ปัญหาความขัดข้องทางเทคนิค (8%) การจะได้มาซึ่งบิตคอยน์นั้นมี 2 วิธีการด้วยกัน คือ 1. การขุดบิตคอยน์เหรียญใหม่ ซึ่งคือการได้รับค่าตอบแทนจากการยืนยันธุรกรรมในระบบเป็นเหรียญบิตคอยน์เหรียญใหม่ ซึ่งผู้ลงทุนขุดบิตคอยน์ก็จะมีต้นทุนค่าอุปกรณ์ และค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการรันระบบเพื่อขุดเหรียญ 2. การซื้อเหรียญจากผู้ที่มีเหรียญบิตคอยน์ที่ถูกขุดขึ้นมาหมุนเวียนอยู่ในระบบแล้ว โดยที่ผู้ซื้อจะซื้อกับผู้ขายโดยตรง และรับโอนเหรียญมาอยู่ใน วอลเล็ตของตัวเองก็ได้ หรือ ง่ายกว่านั้นก็ซื้อผ่านตลาดรับแลกเปลี่ยนเหรียญที่มีผู้มาวางขายอยู่แล้ว แนะนำลงทุนบิตคอยน์ในสัดส่วน 1-5% ของพอร์ตโฟลิโอ คุณวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.
เรียนกับคอร์สออนไลน์ ในปัจจุบันบนโลกออนไลน์มีคอร์ส Value Investing ที่มีคุณภาพหลายคอร์สด้วยกัน แต่ละคอร์สจะแตกต่างกันเพราะหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นระดับความยากง่าย ไปจนถึงความเป็นทางการ เพราะคอร์สที่สอนโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำก็จะแพงถึงแพงมากครับ 1.
ทรีนีตี้ มองว่า บิตคอยน์ไม่ได้เป็นสินทรัพย์ประเภท Safe Haven แต่มองเป็นสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Investment) ที่เพิ่ม Alpha หรือผลตอบแทนส่วนเกินให้กับพอร์ตการลงทุนผ่านการทำ Asset Allocation ได้ เนื่องจากบิตคอยน์นั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) กับสินทรัพย์อื่นอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น จึงเหมาะกับการเพิ่มเข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายการลงทุน โดยแนะนำลงทุนในบิตคอยน์เป็นสัดส่วน 1-5% ของพอร์ตโฟลิโอ แนะนำ 3 จุดเข้าซื้อบิตคอยน์สุดแกร่ง (ใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยคุณกมลชัย พลอินทวงษ์) ระดับราคาแนะนำเพื่อซื้อสะสม แบ่งจุดเข้าซื้อเป็น 3 ระดับราคา จุดที่ 1. 900, 000 บาท ซึ่งเป็นแนวรับจากสัดส่วน Fibonacci ที่ 38. 2% จุดที่ 2. 800, 000 บาท ซึ่งเป็นแนวรับจากสัดส่วน Fibonacci ที่ 50% จุดที่ 3. 700, 000 บาท ซึ่งเป็นแนวรับจากสัดส่วน Fibonacci ที่ 61. 8%
0, อย่างเช่นถ้าหุ้นพื้นฐานดีตัวหนึ่งมีมูลค่าที่แท้จริงอยู่ที่ 30 บาท ถ้าคุณซื้อได้ที่ราคา 5 บาท นั่นแปลว่าคุณเหมือนกับได้ซื้อของดีในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 80% คุณมีโอกาสในทำกำไรถึง 25 บาท ดังนั้นยิ่งคุณซื้อในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงเท่าไรก็ยิ่งดี หุ้นที่เกรแฮมชอบมากคือ หุ้นที่เมื่อนำเงินสดหักลบกับหนี้สินทั้งหมดแล้วยังมากกว่ามูลค่าตลาดของกิจการ (Market Value) เพราะนั่นหมายความว่า คุณใช้เงิน 1 บาทในการ "ซื้อ" เงิน 1.
พูดคำแปลภาษา อิ สาน, 2024